วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แอนดรู คาร์เนกี

แอนดรู คาร์เนกี ผู้สิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว แต่กลับกลายเป็นเศรษฐี

ชีวิตในโลกนี้ย่อมไม่มีอะไรที่แน่นอนนั้น เป็นการถูกต้องแล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมผันผวนปรวนแปรอยู่ชั่วนิรันดร์แม้แต่ภาวะของบุคคล ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน ย่อมจะเป็นไปตามเหตุการณ์ผันแปรของโลก การล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นสิ่งน่าปริวิตกอะไรกับการที่มันจะเกิดขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว และยังปฏิสนธ์อยู่ในปัจจุบัน เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว และยังปฏิสนธฺอยู่ในปัจจุบัน และจะต้องปฏิสนธ์ต่อไปในอนาคต บุคคลที่ยังวนเวียนอยู่ในกระแสกิเลสยังอยู่ภายใต้อาณัติโลกธรรม 8 ประการและยังอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม และแน่ละกฏแห่งกรรมจะดลให้ชีวิตเปลี่ยนไปตามพลังกรรมที่ตนเองก่อมันขึ้น

โกลด์สมิธกล่าวว่า
"บุคคลที่ล้มลุกคลุกคลาม เป็นเรื่องธรรมดา แต่ล้มแล้วลุกนี่แหละคือคนโดยสมบูรณ์"

ชีวิตของแอนดรู คาร์เนีย (Andrew Carnegie) แล้ว ก็คล้ายกับภาษิตของโกลด์สมิธ ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการล้มลุกคลุกคลาน เผชิญกับความยากจนอย่างแสนสาหัส อดยากหิวโหยแทบจะล้มทั้งยืน แต่เขา ไม่เคนสิ้นหวัง ไม่เคยหมดน้ำมะนะไม่เคยสิ้นพลังทางใจ เขาถืออุดมคติหรือปทานุกรมแห่งชีวิตอยู่ว่า "ไม่มีอะไรใน โลกนี้ที่เป็นไปไม่ได้ " หรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่มีอยู่ในความรู้สึกของคาร์เนกี เพราะบุคคลผู้นี้ไม่เคยวิตกกับความทุกข์ยากไม่กลัวความลำบาก และไม่หวั่นหวาดต่อความแร้นแค้ คาร์เนกีเป็นคนเข้มแข็ง อดทน และมีความมานะ เขามีความทะเยอทะยานอย่างสูงมีความมานะไม่ละลด เขาเป็นคนต่อสู้กับความทุกข์ยากไม่แผกผิดกับเอดิสัน และก็นี่แหละ เขาจึงสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของโลกจนได้

อิเมอร์สันนักปราชญ์โลกกล่าวว่า "โลกนี้เป็นของคนพยายาม"

แอนดรู คาร์เนกี เขาเกิดมาในท่ามกลางแห่งความยากจน บิดาของเขานั้นเล่ามิได้เป็นคนมั่งมีศรีสุขอะไร? เขาเป็นแต่เพียงช่าวทอผ้าคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ความเป็นอยู่และฐานะของเขาจึงเต็มไปด้วยความแร้นแค้นมาก บิดาของคาร์เนกีเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมีความมานะและอดทน เขาพยายามประดิษฐ์เครื่องทอผ้าขึ้นใหม่ แต่ความปราถนาอันนี้ต้องเอันตรธานไป เขาต้องทุ่มเทแรงงานและทรัพย์สินลงไปในการนี้อย่างมากมาย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าวนี้เลย เป็นสาเหตุให้ฐานะแห่งความยากจนค่นแค้นที่มีอยู่แล้ว กลับทวีมีมากขึ้น ความพลาดหวังครั้งนี้ทำให้บิดาของคาร์เนกีเศร้าโศกมาก และแม้แต่ตัวคาร์เนกีเองก็พลอยได้รับความรันทดไปด้วยเป็นอย่างมาก

คาร์เนยี เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ 1835 ณ จังหวัดคันเฟีร์มไลน์ ประเทศสก๊อตแลนด์ หลังจากบิดาของเขาต้องผิดหวังในการประดิษฐ์เครื่องทอผ้าไม่สำเร็จ บิดาของเขาก็พากันอพยพไปตั้งภูมิลำเนาทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ในเมืองอัลเลกเธนี รัฐเพนน์ชิววาเนียประเทศอเมริกา

ในขณะนั้น คาร์เนยีมีอายุได้ 12 ปีแล้ว ความเป็นอยู่แห่งครอบครัวก็มิได้มีขึ้นเลย เขาต้องเผชิญภาวะแห่งความลำเค็ญยิ่งกว่าในสก๊อตแลนด์เสียอีก พฤติการณ์เป็นเช่นนี้ทำให้คาร์เนยีมองดูสภาพของครอบครัวด้วยความเศร้าใจยิ่ง เขาจะทนดูสภาพแห่งครอบครัวเผชิญต่อความยากจนค่นแค้นดังกล่าวนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นทั้ง ๆ ที่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว เท่าที่เขาสามารถจะหามันมาได้ เขาออกย่ำหางานอย่างสุดความสามารถ แต่มันก็เป็นคราวเคราะห์ดีของเขาที่เขาได้รับค่าจ้างเพียงเดือนละ 5 เหรียญเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดทนเพราะงานที่เขาทำมิใช่เป็นงานเบาสำหรับตัวเขาเลย แต่เขาก็มิได้ย่อท้อต่องานที่หนักแสนหนัก เพื่อครอบครัวและบิดาอันสุดแสนเคารพ เขาจึงทนทำงานอยู่ถึง 2 ปี

คาร์เนยี เป็นบุคคลที่ชองการอ่านและการใช้ความคิด เขาสนใจต่อการศึกษาอย่างแรงกล้า เขาชอบสังเกตุสิ่งต่าง ๆ แล้วเก็บเอามาคิด เขาชอบนั่งคิดนั่งฝันและชองสังเกตุปรากฏการณ์แห่งธรรมชาติและก็ข้อนี้แหละที่ทำให้เขาเกิดไอเดียใหม่ ๆ และแปลก ๆ เสมอ แม้อายุเขาจะน้อย แต่เขามีความฉลาดเกินอายุ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขาชองสังเกตุสิ่งต่าง ๆ แล้วนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาขบคิดและพิจารณา ประกอบกับเขาได้รับพรสวรรค์แห่งความยากจน ด้วยประการเช่นนี้แหละทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าความคิดและเกิดจุดปรารถนาปณิธานแห่งชีวิตขึ้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น